การสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน
๑. การดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๕๒ และ ๘๒ ได้กำหนดให้คนไทยทุกคนได้รับโอกาสและมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ และได้รับบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐานเดียวกัน โดยไม่คำนึงถึงเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๕ รัฐบาลได้ประกาศนโยบายให้ พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นปีเริ่มต้นแห่งการรวมพลังสร้างสุขภาพทั่วไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และประชาชน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์รวมพลังสร้างสุขภาพให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และเพื่อให้ประชาชนรู้และตระหนักใส่ใจในการสร้างสุขภาพทั้งนี้ เพราะการพัฒนาสุขภาพของประชาชนไม่ใช่หน่วยงานในระบบสุขภาพเท่านั้น หน่วยงานเอกชน องค์กรท้องถิ่น องค์ชุมชน ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการคิดและบริหารจัดการสุขภาพร่วมกัน การดำเนินงานในระบบเปลี่ยนผ่านของระบบสุขภาพจาก “การซ่อมสุขภาพไปสู่การสร้างสุขภาพ” จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำศักยภาพขององค์กรชุมชน บริหารจัดการและดำเนินการด้านสุขภาพด้วยตนเอง โดยภาครัฐเป็นผู้สนับสนุนและส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีศักยภาพในการสร้างสุขภาพที่มีความรู้ ความเข้าใจที่เกี่ยวกับการสร้างสุขภาพที่ถูกต้องและเหมาะสม อันจะนำไปสู่ความพร้อมในการสร้างสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชนได้
กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการรณรงค์การสร้างสุขภาพภายใต้กลยุทธ์ “รวมพลังสร้างสุขภาพ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน ทุกกลุ่มทุกวัยมีความรู้และทักษะด้านสุขภาพ โดยมุ่งเน้นให้ศูนย์สุขภาพชุมชนและสถานีอนามัยเป็นหน่วยบริการสุขภาพหลัก ในการดำเนินงานประสานและเชื่อมโยงกับองค์กรภาคี เครือข่ายสุขภาพชุมชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้นโยบาย ดังกล่าวสัมฤทธิผลและบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้อย่างเป็นรูปธรรม ต่อมา พ.ศ.๒๕๔๖ ได้กำหนด
นโยบายส่งเสริมให้ประชาชนแต่ละชุมชนรวมกลุ่มกันจัดกิจกรรมด้านสุขภาพในรูปของ
ชมรมสร้างสุขภาพ คลอบคลุมทุกชุมชนและหมู่บ้านโดยยึดแนวคิด
“ใช้พื้นฐานบูรณาการทุกภาคส่วน สร้างกระบวนการเรียนรู้สู่วิถีชุมชน”
อันจะทำให้เกิดการสร้างสุขภาพที่ยั่งยืนและถาวร ซึ่งเน้นกิจกรรมสร้างสุขภาพตาม นโยบาย ๖ อ
ในการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี
๒.บทบาทของการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมและพัฒนาสุขภาพของบุคคลในชุมชน
นโยบาย ๖ อ
๑. ส่งเสริมให้คนไทยทุกกลุ่มอายุ ออกกำลังกาย วันละ ๓o นาที อย่างน้อย ๓ วันต่อสัปดาห์อย่างสม่ำเสมอ
๒. ส่งเสริมให้คนไทยเลือกซื้อและบริโภค อาหารที่สะอาดมีคุณค่า และปลอดสารปนเปื้อน
๓. ส่งเสริมให้คนไทยสร้าง อนามัย สิ่งแวดล้อมในชุมชนเพื่อความสะอาดปลอดภัยของที่อยู่อาศัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อสุขภาพ
๔. ส่งเสริมให้คนไทยมี อารมณ์ ที่ดี และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชมรมต่างๆ เช่น ชมรมสร้างสุขภาพของวัยทำงาน เพื่อการมีสุขภาพจิตที่ดีและแจ่มใส
๕. ส่งเสริมให้คนไทยปลอดโรค อโรคยา โดยเฉพาะโรคที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตในลำดับแรกๆคือ มะเร็ง หัวใจ เบาหวาน
๖. ส่งเสริมให้คนไทยลด ละ เลิก อบายมุข เพื่อลดปัญหาสุขภาพที่เกิดจาก บุหรี่ สุรา สารเสพติดและการพนันในชุมชน
๒. บทบาทของการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมและพัฒนาสุขภาพของบุคคลในชุมชน
การมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมและพัฒนาสุขภาพของบุคคลในชุมชน คือการร่วมกิจกรรมที่เอื้ออำนวยให้ผู้คนในชุมชนมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีซึ่งกิจกรรมดังกล่าวอาจจัดโดยเจ้าหน้าที่องค์กรของภาครัฐ หรือองค์กรพัฒนาเอกชน หรือการร่วมกลุ่มกันของประชาชนในชุมชน ตัวอย่างกลุ่มหรือชมรมที่ทำงานด้านการพัฒนาสุขภาพของบุคคลในชุมชน เช่น ชมรมผู้สูงอายุกลุ่มทูบีนัมเบอร์วัน ชมรมแอโรบิก กลุ่มประชาคม/ชมรมสร้างสุขภาพ กลุ่มกีฬา ชมรมคุ้มครองผู้บริโภค กลุ่มเกษตรปลอดสารพิษ กลุ่มแกนนำเอดส์ กลุ่มแพทย์พื้นบ้าน/สมุนไพร ชมรมรำไม้พลอง กลุ่มพิทักษ์สิทธิ์ สิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมพัฒนาสุขภาพในชุมชน
๑. กิจกรรมด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ได้แก่ การดูแลรักษาสุขภาพ การออกกำลังกาย การเฝ้าระวัง ปัญหาสารเสพติดในชุมชน การเฝ้าระวังและรักษาสิทธิผู้บริโภค การดำเนินโครงการอาหารผลอดภัย การส่งเสริมพัฒนาการและดูแลการได้รับวัคซีนในเด็กอายุต่ำกว่า ๖ ปี การตรวจสุขภาพตนเองในเบื้องต้น การใช้อินทรีสารและการทำเกษตรอินทรีย์
๒. กิจกรรมด้านการเข้ารับบริการสุขภาพของประชาชน ได้แก่ การรับการบริการสุขภาพจากศูนย์สุขภาพชุมชนหรือสถานีอนามัย เช่น การทำบัตรทอง การรับการตรวจวัดความดันเลือด การฝากครรภ์
๓. กิจกรรมด้านการเข้ารับการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครเพื่อพัฒนาสุขภาพในชุมชน ได้แก่ การเข้ารับอบรมความรู้ การเข้าร่วมประชุมกลุ่ม หรือการจัดเวทีเรียนรู้ การรับฟังความรู้ผ่านทางหอกระจายข่าว
๔. กิจกรรมด้านการให้ความร่วมมือในการควบคุมและป้องกันโรค ได้แก่ การไม่สูบบุหรี่ การป้องกันอุบัติเหตุ การป้องกันการแพ้พิษ/สารเคมี การร่วมรณรงค์ป้องกันโรคตามฤดูกาล เช่น โรคไข้เลือดออก ไข้หวัดนก อุจจาระร่วง ไข้ฉี่หนู
๕. กิจกรรมด้านการให้ความร่วมมือในการดำเนินงานของหน่วยงานด้านสุขภาพในชุมชน ได้แก่ การมีส่วนร่วมในการวางแผนหรือร่วมกิจกรรมสาธารณะสุขในชุมชนตนเอง และสนับสนุนการจัดกิจกรรมสุขภาพที่ริเริ่มจากองค์กรชุมชนท้องถิ่น เช่น ศูนย์สุขภาพ สถานีชุมชน สถานีอนามัย เข้าร่วมกิจกรรมสร้างสุขภาพโดยใช้ทรัพยากรชุมชนเป็นหลัก มีส่วนร่วมดำเนินงานกับหน่วยราชการหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อการจัดกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพ ป้องกันโรค สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ใช้แฟ้มครอบครัวเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ใช้แฟ้มชุมชนเพื่อการวางแผนแก้ไขปัจจัยเสี่ยงในระดับชุมชน
๓. ชมรมสร้างสุขภาพ (Health Promotion Club)
ชมรมสร้างสุขภาพ (Health Promotion Club) หมายถึง กลุ่มบุคคลที่มีความสนใจในกิจกรรมเหมือนๆกัน อาจเป็นกิจกรรมด้านสุขภาพ หรือกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสุขภาพ ซึ่งเป็นชมรมหรือกลุ่มที่มีอยู่แล้วในชุมชน หรือมารวมกลุ่มกันใหม่ แล้วสมัครเป็นเครือข่ายชมรมสร้างสุขภาพกับสถานบริการสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุข มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านสุขภาพ และปัญหาอื่นๆของชุมชน และประสานเชื่อมโยงระหว่างชมรมอื่นๆ เป็นเครือข่าย เป็นชมรมสร้างสุขภาพ
๓.๑ จุดมุ่งหมายของชมรมสร้างสุขภาพในชุมชน
๑) เพื่อส่งเสริมให้ประชานที่สนใจด้านสุขภาพรวมกลุ่มกัน และมีสวนร่วมในการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ด้านสุขภาพอย่างต่อเนื่อง มีการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายแห่งการเรียนรูด้านสุขภาพในชุมชน อันจะนำไปสู่การสร้างสุขภาพของประชาชนอย่างยั่งยืน
๒) เพื่อให้ชมรมสร้างสุขภาพเป็นกลไกขับเคลื่อนให้ทุกชุมชนมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านสุขภาพในชุมชนอย่างต่อเนื่อง ประชาชนมีองค์ความรู้และทักษะในการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องเหมาะสม
๓) เพื่อให้ประชาชนที่เป็นสมาชิกชมรมสร้างสุขภาพมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง
๓.๒ การพัฒนาคุณภาพของชุมชนสร้างสุขภาพ
ชมรมสร้างสุขภาพในระดับของการพัฒนาคุณภาพมี ๓ ระดับ ดังนี้
๑) ระดับที่ ๑ หรือระดับพื้นฐาน เป็นชมรมสร้างสุขภาพที่มีการจัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพให้แก่สมาชิกในเรื่องการออกกำลังกายสม่ำเสมอและการบริโภคอาหารที่สะอาดปลอดภัยได้คุณค่า
ตัวอย่างชมรมสร้างสุขภาพระดับ ๑หรือระดับพื้นฐาน
ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพตำบลแร่
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสกลนคร ได้มีการส่งเสริมสนับสนุนการออกกำลังกายเพื่อสร้างสุขภาพเป็นรูปธรรม โดยในระยะแรกมุ่งเน้นส่งเสริมการออกกำลังกายในกลุ่มบุคลากรสาธารณสุข เพื่อเป็นแบบอย่างในการสร้างสุขภาพในชมรมการออกกำลังกายทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้านซึ่งมีแนวทางการประเมินผลการออกกำลังกายระดับบุคคล โดยการจัดกิจกรรมวิ่งทดสอบสมรรถภาพระยะทาง ๒.๔ กิโลเมตร ในระดับอำเภอทุกอำเภอ ซึ่งจัดกิจกรรมเป็นประจำทุกเดือนโดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ข้าราชการและประชาชนผู้สนใจทั่วไป ได้มีการส่งเสริมสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมวิ่งทดสอบสมรรถภาพ ระยะทาง ๒.๔ กิโลเมตร เพื่อประเมินผลการออกกำลังกายระดับบุคคล ในระดับตำบล และหมู่บ้านด้วย
๒) ระดับที่ ๒ ระดับขยายผลกิจกรรม เป็นชมรมสร้างสุขภาพที่มีการจัดกิจกรรมสร้างสุขภาพครอบคลุม ๖อ คือ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การบริโภคอาหารที่สะอาดปลอดภัยได้คุณค่า การส่งเสริมสุขภาพจิต(อารมณ์) การดูแลด้านอนามัยชุมชน การลดละเลิกอบายมุข และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
ตัวอย่างชมรมสร้างสุขภาพระดับ ๒ หรือระดับการขยายผลกิจกรรม
ชมรมเสริมสร้างสุขภาพนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรมนวดี พาร์ค
หมู่บ้านจัดสรรมนวดี พาร์ค ได้จัดตั้งชมรมสร้างเสริมสุขภาพขึ้นเพื่อให้สมาชิกที่พักอาศัยในชุมชนมนวดี พาร์ค มีคุณภาพชีวิตกับสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่ดี มีชีวิตปลอดภัยจากอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ
การบริหารจัดการในโครงการสร้างสุขภาพด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ด้วยหลัก ๖อ ได้แก่
๑. อ ออกกำลังกาย
๒. อ อาหาร
๓. อ อนามัยสิ่งแวดล้อม
๔. อ อารมณ์
๕. อ อโรคยา
๖. อ อบายมุข
เพื่อความยั่งยืนของโครงการต่างๆที่วางไว้ทางคณะกรรมการชมรมสร้างเสริมสุขภาพนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรมนวดี พาร์ค จึงได้ดำเนินการโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ใน อ ที่ ๓ คือ “อนามัยสิ่งแวดล้อม” “ไข้เลือดออกภัยใกล้ตัวในชุมชน” “รณรงค์กำจัดลูกน้ำยุงลายเพื่อป้องกันไข้เลือดออกในชุมชน” “โครงการคลองสวยน้ำใสถวายแด่ในหลวงของเรา”
๓) ระดับที่๓ หรือระดับการสร้างเครือข่าย เป็นชมรมสร้างสุขภาพ ที่มีการจัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพครอบคลุม ๖ อ มีการวิเคราะห์และวางแผนแก้ไขปัญหาสุขภาพ ตลอดจนมรการบริหารจัดการที่เข้มแข็ง รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้และเชื่อมโยงระหว่างชมรมอื่นๆ เป็นเครือข่ายสร้างสุขภาพของชุมชนระดับตำบล อำเภอ จังหวัด และระดับชาติ
ตัวอย่างชมรมสร้างสุขภาพระดับที่๓ หรือระดับการสร้างเครือข่าย
ชมรมสร้างสุขภาพบ้านท่าไม้แดง ม.๓ ต.ปากหมาก อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ได้นำเอาเทคนิคการวางแผนแบบมีส่วนร่วม โดยใช้กระบวนการ A-I-C บัตรคำ และกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติแบบมีส่วนร่วม มาใช้ในการดำเนินงาน หลังจากนั้นจึงได้กำหนดเป็นวิสัยทัศน์ของชุมชนที่ว่า อาหารถูกหลัก รู้จักครอบครัว รอบรั้วกินได้ ออกกำลังกายต่อเนื่อง เน้นเรื่องพออยู่พอกิน ท้องถิ่นน่าอยู่ เรียนรู้สุขภาพ จากกระบวนการและวิสัยทัศน์ที่ได้ ทำให้เกิดแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของชุมชนสร้างสุขภาพ จำนวน ๘ โครงการดังนี้ โครงการกินถูกหลักผลักดันโลก โครงการปลูกผักสดร่วมใจห่างไกลสารเคมี โครงการสานฝันสามวัยสายใจแห่งครอบครัว โครงการออมกันทุกบ้านบริหารบัญชีครัวเรือน โครงการบ้านสะอาด ชุมชนน่าอยู่ โครงการสามวัยร่วมใจออกกำลัง โครงการชีวิตสดใสใส่ใจสุขภาพ โครงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้
๓.๓ การพัฒนาชมรมสร้างสุขภาพให้เข้มแข็ง
สามารถดำเนินการได้ ๔ ขั้นตอนดังนี้
๑.การตั้งชมรม โดยการส่งเสริมให้ประชาชนรวมกลุ่มกันในการสร้างสุขภาพ เป็นแนวคิดการใช้พลังกลุ่มและกระบวนการกลุ่มของประชาชนมาแก้ไขปัญหาสุขภาพ โดยเริ่มจากการจัดกิจกรรมกลุ่มง่ายๆ ร่วมกัน มีการส่งเสริมและพัฒนาให้กลุ่มมีความเข้มแข็ง มีการตรวจสอบประเมินความก้าวหน้าและผลสัมฤทธิ์ของกลุ่ม โดยมีภาครัฐเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านเครื่องมือและอุปกรณ์จำเป็น รวมทั้งกระบวนการกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มสามารถคิด วิเคราะห์ปัญหา กำหนดทางเลือกในการแก้ไขปัญหา แสวงหาทรัพยากรในการแก้ปัญหา และประเมินความสำเร็จโดยสมาชิกของกลุ่มเองทำการประชาสัมพันธ์ให้เห็นผลประโยชน์แก่ภาครัฐในการให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อเกิดการพัฒนาทางวิชาการ
๒.เตรียมความพร้อมให้กับชมรมโดยการสร้างความเข้าใจร่วมกันในวัตถุประสงค์จุดมุ่งหมาย และแนวทางการบริหารของชมรม
๓.ส่งเสริมการจัดกิจกรรมของชมรมให้มีกิจกรรมต่อเนื่อง ส่งเสริมความก้าวหน้าในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสุขภาพและด้านอื่นๆ ถ้าชมรมขาดความรู้หรือทักษะที่จำเป็น ภาครัฐมีหน้าที่ในการฝึกอบรมโดยเฉพาะการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุม ๖ อ
๔.การสนับสนุนความเข้มแข็งและยั่งยืนของชมรม ผู้ให้การสนับสนุนต้องเข้าใจสถานภาพทางสังคม วัฒนธรรมชุมชน บทบาทที่สำคัญสำหรับการสนับสนุน ได้แก่ การให้ข้อมูลข่าวสาร การสร้างขวัญกำลังใจ การยกย่องทางสังคม รวมทั้งการสนับสนุนเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็น
๔.การมีส่วนร่วมในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมชุมชน
ปัญหาสิ่งแวดล้อมส่งผลต่อภาวะสุขภาพของคนในชุมชน โดยเฉพาะปัญหาภาวะโลกร้อนซึ่งเป็นปัญหาสำคัญและส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนทั่วโลก ดังนั้นคนในชุมชนจึงควรมีส่วนร่วมในการช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งมีแนวทางดังนี้
๑.รณรงค์ให้คนในชุมชนลดการใช้พลังงานในบ้าน ด้วยการปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน
๒.ใช้หลอดไฟแบบประหยัด เช่น หลอดตะเกียบ หลอดผอม ที่ให้แสงสว่างและประหยัดกว่าหลอดปกติ ๔๐ เปอร์เซ็นต์
๓.ขี่จักรยาน ใช้บริการรถประจำทาง หรือใช้วิธีเดินเมื่อไปทำธุระใกล้บ้าน เพื่อลดการใช้น้ำมันและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ
๔.จัดสิ่งแวดล้อมในบ้านให้น่าอยู่ เปิดหน้าต่างรับลม แทนการเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เพื่อประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้า
๕.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยในการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยดูจากสัญลักษณ์ เช่น มาตรฐานผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรอินทรีย์ ป้ายฉลากเขียวประหยัดไฟเบอร์ ๕
๖.ใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มค่า เช่น ใช้น้ำที่เหลือจากซักผ้ารดน้ำต้นไม้ ปิดก๊อกน้ำเมื่อฟอกสบู่ขณะอาบน้ำ แปรงฟัน
๗.ปลูกต้นไม่ในบริเวณบ้าน เพื่อช่วยดูดซับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศทำให้บ้านร่มรื่นเย็นสบาย
๘.ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติก ด้วยการใช้ถุงผ้าใส่สิ่งของ หรือใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ เช่น ใบตองใส่อาหารแทนกล่องโฟม
๙.สนับสนุนสินค้าและผลิตภัณฑ์เกษตรในท้องถิ่น เพื่อให้เกษตรในพื้นที่ไม่ต้องขนส่งผลิตผลให้พ่อค้าคนกลางนำไปขายในพื้นที่อื่น
๑๐.จัดตั้งชมรมหรือจัดตั้งกิจกรรมรณรงค์สิ่งแวดล้อมในชุมชน เพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อนรวมทั้งให้ความรู้และชักชวนคนใกล้ตัวให้ช่วยกันลดปัญหาภาวะโลกร้อนในชุมชน เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในชุมชน
ปัญหาสาธารณสุขในชุมชน มีผลมาจากการไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม ดังนั้นการพัฒนาศักยภาพของตนเองให้มีความรู้ ให้เกิดความตระหนักถึงการป้องกันโรค และสามารถดูแลสุขภาพตนเอง ครอบครัว และชุมชนได้ จึงมีความสำคัญในการช่วยลดปัญหาสาธารณสุขลงได้
สรุปสาระสำคัญ
สร้างเสริมสุขภาพชุมชน
๑.การดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน สามารถจัดทำได้ในรูปแบบของ ชุมชนสร้างสุขภาพ ที่เน้นกิจกรรมสร้างสุขภาพตามนโยบาย ๖ อ คือ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่สะอาด มีคุณค่า มีอารมณ์ที่ดี สร้างอนามัยสิ่งแวดล้อมในชุมชน ส่งเสริมให้คนไทยปลอดโรคอโรคยา ลดละเลิกอบายมุข
๒.บทบาทของการมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมและพัฒนาสุขภาพของบุคคลในชุมชน เป็นการร่วมกิจกรรมที่เอื้ออำนวยให้คนในชุมชนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี
๓.ชมรมสร้างสุขภาพ (Health Promotion Club) เป็นกลุ่มบุคคลที่มีความสนใจเหมือนกัน รวมตัวกันจัดตั้งชมรมเพื่อดำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี
๔.การมีส่วนร่วมในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีความสำคัญในระดับโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในชุมชน ดังนั้นคนในชุมชนจึงควรมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น